Menarini Group นำเสนอข้อมูลล่าสุด ตอกย้ำศักยภาพของยา Elacestrant (ORSERDU®) ในกา...

ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์

พีอาร์ นิวส์ ไทยแลนด์ x ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์

ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - Menarini Group นำเสนอข้อมูลล่าสุด ตอกย้ำศักยภาพของยา Elacestrant (ORSERDU®) ในการใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อรักษามะเร็งเต้านมชนิด ER+, HER2- ระยะแพร่กระจาย (mBC) ในงานประชุม ASCO ประจำปี 2568

ชอบข่าวนี้?
  • จะมีการนำเสนอการวิเคราะห์ประสิทธิภาพเบื้องต้นจากการศึกษา  ELEVATE ในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยา elacestrant ร่วมกับ everolimus และ ribociclib พร้อมด้วยข้อมูลความปลอดภัยล่าสุดจากกลุ่มผู้ป่วยเพิ่มเติมที่ได้รับยา elacestrant ร่วมกับยารักษาแบบมุ่งเป้า
  • ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นบทบาทสำคัญของ  elacestrant ในการเป็นยาหลักของการรักษาด้วยฮอร์โมน ที่สามารถใช้ร่วมกับยารักษาแบบมุ่งเป้าชนิดต่าง ๆ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- ระยะแพร่กระจาย
  • โครงการพัฒนาทางคลินิกที่แข็งแกร่งของ  elacestrant ซึ่งครอบคลุมการศึกษาที่กว้างขวางนั้น ยังคงตอกย้ำศักยภาพของยา ทั้งในการรักษาแบบยาเดี่ยวและการใช้ร่วมกับยาอื่น ในมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายและมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น

ฟลอเรนซ์, อิตาลี และนิวยอร์ก, 24 พฤษภาคม 2568 /PRNewswire/ -- Menarini Group ("Menarini") บริษัทชั้นนำผู้พัฒนาเภสัชภัณฑ์และระบบวินิจฉัยโรค และ Stemline Therapeutics, Inc. ("Stemline") บริษัทย่อยที่ Menarini Group เป็นเจ้าของ ซึ่งมุ่งนำวิธีการรักษามะเร็งที่พลิกวงการมาสู่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เตรียมนำเสนอผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยเบื้องต้นที่อัปเดตล่าสุด จากการศึกษา Phase 1b/2 ELEVATE ในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามเฉพาะที่หรือระยะแพร่กระจาย (mBC) ชนิดตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นบวก (ER+) แต่ไม่ติดตัวรับเฮอร์ทู (HER2-) การศึกษา ELEVATE ได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของแนวทางการรักษาแบบใช้ยารับประทานร่วมกัน เพื่อเอาชนะกลไกการดื้อยาที่แตกต่างกันซึ่งพบในมะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- ระยะแพร่กระจาย และเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีผลลัพธ์การรักษาที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังจะมีการนำเสนอข้อมูลอัปเดตอื่น ๆ เกี่ยวกับการทดลองที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นการศึกษาศักยภาพของ elacestrant ในการเป็นยาหลักของการรักษาด้วยฮอร์โมน (ET) ครอบคลุมมะเร็งเต้านมทุกระยะ โดยจะนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ในงานประชุม American Society of Clinical Oncology (ASCO) ประจำปี 2568

การศึกษา ELEVATE ประกอบด้วย 6 แนวทางการรักษา โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินการใช้ยา elacestrant ร่วมกับยายับยั้ง CDK4/6 (palbociclib, abemaciclib และ ribociclib) และร่วมกับยายับยั้ง PI3K/AKT/mTOR pathway (everolimus, alpelisib และ capivasertib) โดยผลการศึกษา ELEVATE ที่นำเสนอในงาน ASCO ประจำปี 2568 (บทคัดย่อ 1070/49) มีทั้งข้อมูลประสิทธิภาพล่าสุดที่แสดงให้เห็นอัตราการรอดชีวิตโดยปราศจากโรคลุกลาม (PFS) ที่ดีในเบื้องต้น จากกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยา elacestrant ร่วมกับ ribociclib และกลุ่มที่ได้รับยา elacestrant ร่วมกับ everolimus ส่วนปริมาณยาที่แนะนำสำหรับระยะที่ 2 (RP2D) ได้กำหนดไว้ที่ elacestrant 345 มิลลิกรัม ร่วมกับ ribociclib 400 มิลลิกรัม ขณะที่ปริมาณยา RP2D ของ elacestrant อยู่ที่ 345 มิลลิกรัม ร่วมกับ everolimus 7.5 มิลลิกรัมนั้น ได้มีการรายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว

"เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยเบื้องต้นที่เป็นบวก เมื่อนำยา everolimus และ ribocilib มาใช้ร่วมกับ elacestrant ผลการศึกษาเหล่านี้สอดคล้องกับข้อมูลที่น่าสนใจจากกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยา elacestrant ร่วมกับ abemaciclib จากการศึกษาเดียวกันนี้ ซึ่งเคยนำเสนอไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีในเบื้องต้นเช่นกัน" แพทย์หญิง Hope S. Rugo ผู้อำนวยการโครงการมะเร็งในสตรีและหัวหน้าแผนกมะเร็งเต้านม จาก City of Hope Comprehensive Cancer Center กล่าว "ในขณะที่ข้อมูลอัตราการรอดชีวิตโดยปราศจากโรคลุกลามและข้อมูลความปลอดภัยจากการศึกษา ELEVATE นั้นยังคงเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อย ๆ จากกลุ่มผู้ป่วยต่าง ๆ เราก็ยิ่งมีความมั่นใจในศักยภาพของ elacestrant ที่จะเข้ามาเป็นยาหลักของการรักษาด้วยฮอร์โมน ในสูตรร่วมสำหรับการรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย"

ขณะเดียวกัน ข้อมูลเพิ่มเติมที่นำเสนออีกชุด (บทคัดย่อ 1079/58) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยฉบับปรับปรุงจากระยะที่ 1b/2 ของการศึกษา ELEVATE โดยครอบคลุม 4 กลุ่มการรักษา ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับยา elacestrant ร่วมกับ ribociclib, everolimus, alpelisib และ capivasertib ผลลัพธ์เบื้องต้นที่ได้รับการอัปเดตนี้ชี้ให้เห็นว่า การใช้ยาร่วมกันเหล่านี้มีความสอดคล้องกับข้อมูลความปลอดภัยที่ทราบกันดีอยู่แล้วของยารักษาแบบมุ่งเป้าแต่ละชนิด เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วยฮอร์โมนมาตรฐาน

"ข้อมูลเหล่านี้ยังคงตอกย้ำคุณประโยชน์ที่ยา elacestrant อาจมี ในการนำมารวมกับยาอื่น ๆ ในแนวทางการรักษามะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- ระยะแพร่กระจาย" Elcin Barker Ergun ซีอีโอของ Menarini Group กล่าว "นอกจากนี้ เรายังคงสำรวจศักยภาพของ elacestrant ในผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ รวมถึงการศึกษา ELEGANT ที่กำลังเปิดรับผู้ป่วยอยู่ในขณะนี้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อประเมินประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงสูงต่อการกลับมาเป็นซ้ำของโรค"

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมนำเสนอข้อมูลอื่น ๆ ในงานประชุมประจำปีของ ASCO โดยดูรายการบทคัดย่อทั้งหมดของ Menarini Stemline ได้จากด้านล่างนี้

บทคัดย่อจาก Menarini Stemline

หัวข้อการนำเสนอ: การใช้ยา Elacestrant (Ela) ร่วมกับ ribociclib (Ribo) และ everolimus (Eve) ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- ระยะลุกลามเฉพาะที่หรือระยะแพร่กระจาย (mBC): ข้อมูลอัปเดตจากการศึกษา ELEVATE ซึ่งเป็นการศึกษาแบบร่มกับโรคเดียวโดยไม่ปกปิดข้อมูล ระยะที่ 1b/2
หมายเลขบทคัดย่อ: 1070
วันเวลาที่นำเสนอ: วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน เวลา 9:00 น. – 12:00 น. ตามเวลา CT
สถานที่: Poster Bd 49
ผู้นำเสนอ: Hope S. Rugo

หัวข้อการนำเสนอ: การใช้ยา Elacestrant ร่วมกับยาอื่นในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- ระยะลุกลามเฉพาะที่หรือระยะแพร่กระจาย (mBC): ข้อมูลความปลอดภัยอัปเดตจากการศึกษา ELEVATE ซึ่งเป็นการศึกษาแบบร่มกับโรคเดียวโดยไม่ปกปิดข้อมูล ระยะที่ 1b/2
หมายเลขบทคัดย่อ: 1079
วันเวลาที่นำเสนอ: วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน เวลา 9:00 น. – 12:00 น. ตามเวลา CT
สถานที่: Poster Bd 58
ผู้นำเสนอ: Nancy Chan

หัวข้อการนำเสนอ: ADELA: การทดลองระยะที่ 3 แบบปกปิดสองฝ่าย ควบคุมด้วยยาหลอก สุ่มตัวอย่าง ของยา Elacestrant (ELA) + everolimus (EVE) เทียบกับ ELA + placebo (PBO) ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม (aBC) ชนิด ER+/HER2- ที่มีเนื้องอกที่ ESR1 กลายพันธุ์ และมีการลุกลามของโรคหลังได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมน (ET) ร่วมกับ CDK4/6i
หมายเลขบทคัดย่อ: TPS1129
วันเวลาที่นำเสนอ: วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน เวลา 9:00 น. – 12:00 น. ตามเวลา CT 
สถานที่: Poster Bd 103b
ผู้นำเสนอ: Antonio Llombart-Cussac

หัวข้อการนำเสนอ: ELCIN: การใช้ยา Elacestrant ในผู้ป่วยหญิงและชายที่เป็นมะเร็งเต้านมชนิดตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นบวก (ER+), HER2 เป็นลบ (HER2-) ระยะแพร่กระจาย (mBC) ที่ไม่เคยได้รับยาในกลุ่มสารยับยั้ง CDK4/6 (CDK4/6i) มาก่อน: การศึกษาระยะที่ 2 แบบเปิดและหลายศูนย์
หมายเลขบทคัดย่อ: TPS1127
วันเวลาที่นำเสนอ: วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน เวลา 9:00 น. – 12:00 น. ตามเวลา CT
สถานที่: Poster Bd 102b
ผู้นำเสนอ: Virginia G. Kaklamani

หัวข้อการนำเสนอ: ELEGANT: การเปรียบเทียบยา Elacestrant กับการรักษาด้วยฮอร์โมนมาตรฐาน (ET) ในผู้ป่วยหญิงและชายที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น (eBC) ชนิดตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นบวก (ER+), HER2 เป็นลบ (HER2-) และมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง โดยมีความเสี่ยงสูงต่อการกลับมาเป็นซ้ำของโรค ในการศึกษาระยะที่ 3 แบบสุ่มตัวอย่าง เปิดฉลาก และดำเนินการหลายศูนย์วิจัยทั่วโลก
หมายเลขบทคัดย่อ: TPS619
วันเวลาที่นำเสนอ: วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน เวลา 9:00 น. – 12:00 น. ตามเวลา CT
สถานที่: Poster Bd 210a
ผู้นำเสนอ: Aditya Bardia

หัวข้อการนำเสนอ: EORTC-2129-BCG: การใช้ยา Elacestrant ในการรักษามะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- ในผู้ป่วยที่มีการกลับมาเป็นซ้ำของ ctDNA relapse (TREAT ctDNA)
หมายเลขบทคัดย่อ: TPS620
วันเวลาที่นำเสนอ: วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน เวลา 9:00 น. – 12:00 น. ตามเวลา CT
สถานที่: Poster Bd 210b
ผู้นำเสนอ: Michail Ignatiadis

เกี่ยวกับโครงการพัฒนายา Elacestrant ในทางคลินิก

ยา Elacestrant ยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยในโครงการทดลองทางคลินิกหลายรายการในโรคมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย ทั้งแบบเป็นยาตัวเดียวและร่วมกับยารักษาตัวอื่น ๆ โดยโครงการ ELEVATE (NCT05563220) เป็นการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1b/2 เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา elacestrant เมื่อใช้ร่วมกับ alpelisib, everolimus, capivasertib, palbociclib, ribociclib หรือ abemaciclib ส่วนโครงการ ELECTRA (NCT05386108) เป็นการศึกษาแบบหลายศูนย์ระยะ 1b/2 แบบเปิด เพื่อประเมินยา elacestrant เมื่อใช้ร่วมกับ abemaciclib ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด ER+, HER2- ส่วนโครงการดังกล่าวในระยะ 2 ประเมินการรักษาสูตรนี้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจายไปยังสมอง ขณะที่โครงการ ELCIN (NCT05596409) เป็นการทดลองระยะที่ 2 ที่ประเมินประสิทธิภาพของยา elacestrant ในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือระยะแพร่กระจาย ชนิด ER+, HER2- ที่เคยเข้ารับการรักษาด้วยฮอร์โมนมาแล้ว 1 หรือ 2 ครั้ง และไม่มีประวัติใช้ยายับยั้ง CDK4/6 ในระยะแพร่กระจาย โครงการ ADELA (NCT06382948) เป็นการทดลองแบบสุ่มและปกปิดข้อมูลทั้งสองฝ่ายระยะที่ 3 เพื่อประเมินยา elacestrant ร่วมกับ everolimus ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด ER+, HER2- ระยะแพร่กระจายที่มีเนื้องอกชนิด ESR1-mut นอกจากนี้ ยา elacestrant ยังได้รับการประเมินประสิทธิภาพในการทดลองที่ผู้วิจัยริเริ่มขึ้นเองหลายโครงการ รวมถึงในการทดลองที่ดำเนินการร่วมกับบริษัทอื่น ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย และในโรคระยะเริ่มแรก

เกี่ยวกับ ORSERDU (elacestrant)

ข้อบ่งใช้ในสหรัฐ: ORSERDU (elacestrant) เป็นยาเม็ดขนาด 345 มก. เพื่อใช้รักษาผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนหรือผู้ชายวัยผู้ใหญ่ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือระยะแพร่กระจายชนิดตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นบวกและตัวรับโกรทแฟคเตอร์ที่ผิวหนังชั้นนอกของมนุษย์ 2 เป็นลบ (ER+/HER2-) ที่มีการกลายพันธุ์ของยีน ESR1 ซึ่งมีการลุกลามของโรคหลังจากได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดอย่างน้อยหนึ่งรายการ

ดูข้อมูลกำกับยาฉบับสมบูรณ์ในสหรัฐได้ที่ www.orserdu.com

ข้อมูลด้านความปลอดภัยที่สำคัญ

คำเตือนและข้อควรระวัง

โรคไขมันในเลือดสูง ( Dyslipidemia): ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hypercholesterolemia) และภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (Hypertriglyceridemia) เกิดในผู้ป่วยที่ได้รับยา ORSERDU ในอัตราอุบัติการณ์ 30% และ 27% ตามลำดับ อุบัติการณ์การเกิดภาวะไขมันในเลือดสูงและภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงระดับ 3 และ 4 อยู่ที่ 0.9% และ 2.2% ตามลำดับ ติดตามผลตรวจไขมันในเลือดก่อนที่จะเริ่มใช้และติดตามผลเป็นระยะระหว่างการใช้ยา ORSERDU

ภาวะครรภ์เป็นพิษ ( Embryo-Fetal Toxicity): จากข้อค้นพบในสัตว์และกลไกการออกฤทธิ์ของยา ยา ORSERDU สามารถก่ออันตรายต่อตัวอ่อนเมื่อใช้ในสตรีมีครรภ์ ให้คำแนะนำแก่สตรีมีครรภ์และสตรีที่มีโอกาสตั้งครรภ์เกี่ยวกับแนวโน้มความเสี่ยงต่อตัวอ่อน ให้คำแนะนำแก่สตรีที่มีโอกาสตั้งครรภ์เกี่ยวกับการใช้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิผลระหว่างการรักษาด้วยยา ORSERDU และเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังจากรับยาโดสสุดท้าย ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยเพศชายที่มีคู่เป็นสตรีที่มีโอกาสตั้งครรภ์เกี่ยวกับการใช้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิผลระหว่างการรักษาด้วยยา ORSERDU และเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังจากรับยาโดสสุดท้าย

ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์

ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง เกิดขึ้นใน 12% ของผู้ป่วยที่ได้รับยา ORSERDU ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงใน >1% ของผู้ป่วยที่ได้รับยา ORSERDU ประกอบด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก (1.7%) และอาการคลื่นไส้ (1.3%) ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่เป็นอันตรายได้ถึงชีวิตเกิดขึ้นใน 1.7% ของผู้ป่วยที่ได้รับยา ORSERDU ประกอบด้วย ภาวะหัวใจหยุดเต้น ภาวะช็อกเหตุพิษติดเชื้อ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ และไม่ทราบสาเหตุ (ประเภทละหนึ่งราย) ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่พบมากที่สุด (>10%) ซึ่งรวมถึงความผิดปกติในห้องปฏิบัติการ ของยา ORSERDU ประกอบด้วย อาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก (41%), อาการคลื่นไส้ (35%), คอเลสเตอรอลเพิ่มสูงขึ้น (30%), ค่าเอนไซม์ AST เพิ่มสูงขึ้น (29%), ไตรกลีเซอไรด์เพิ่มสูงขึ้น (27%), อาการอ่อนเพลีย (26%), ฮีโมโกลบินลดลง (26%), อาการอาเจียน (19%), ค่าเอนไซม์ ALT เพิ่มสูงขึ้น (17%), โซเดียมลดลง (16%), ครีอะตินีนเพิ่มสูงขึ้น (16%), ความอยากอาหารลดลง (15%), อาการท้องเสีย (13%), อาการปวดศีรษะ (12%), อาการท้องผูก (12%), อาการปวดท้อง (11%), อาการร้อนวูบวาบ (11%) และอาการอาหารไม่ย่อย (10%)

ปฏิกิริยาต่อกันของยา

การใช้ร่วมกับยากระตุ้นและ/หรือยายับยั้ง CYP3A4: หลีกเลี่ยงการใช้ยายับยั้ง CYP3A4 ระดับรุนแรงหรือปานกลางร่วมกับยา ORSERDU หลีกเลี่ยงการใช้ยากระตุ้น CYP3A4 ระดับรุนแรงหรือปานกลางร่วมกับยา ORSERDU

การใช้ในกลุ่มประชากรจำเพาะ

ผู้ให้นมบุตร: ให้คำแนะนำแก่สตรีผู้ให้นมบุตรมิให้ให้นมบุตรระหว่างการรักษาด้วยยา ORSERDU และเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังจากรับยาโดสสุดท้าย
ภาวะตับเสื่อม: หลีกเลี่ยงการใช้ยา ORSERDU ในผู้ป่วยที่มีภาวะตับเสื่อมระดับรุนแรง (คะแนนไชด์-พิว (Child-Pugh) ระดับซี) ลดขนาดปริมาณยา ORSERDU ในผู้ป่วยที่มีภาวะตับเสื่อมระดับปานกลาง (คะแนนไชด์-พิว ระดับบี)
ขณะนี้ยังไม่มีการระบุความปลอดภัยและประสิทธิผลของยา ORSERDU ในผู้ป่วยเด็ก

ติดต่อ Stemline Therapeutics, Inc. เพื่อรายงานอาการที่สงสัยว่าเป็นปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ ที่หมายเลข 1-877-332-7961 หรือ FDA ที่หมายเลข 1-800-FDA-1088 หรือ www.fda.gov/medwatch

เกี่ยวกับ Menarini Group

Menarini Group คือบริษัทยาและการวินิจฉัยชั้นนำระดับโลกซึ่งมียอดขายกว่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ และมีพนักงานกว่า 17,000 คน Menarini มุ่งเน้นด้านการรักษาโรคที่จำเป็นแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ด้วยชุดผลิตภัณฑ์สำหรับการรักษาโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคปอด โรคระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อ โรคเบาหวาน การอักเสบ และยาแก้ปวด ด้วยฐานการผลิต 18 แห่งพร้อมศูนย์วิจัยและพัฒนาอีก 9 แห่ง ผลิตภัณฑ์ของ Menarini จึงมีวางจำหน่ายใน 140 ประเทศทั่วโลก

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.menarini.com

เกี่ยวกับ Stemline Therapeutics Inc.

Stemline Therapeutics, Inc. ("Stemline") ในเครือ Menarini Group เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระยะพาณิชย์ ซึ่งมุ่งพัฒนาและจัดจำหน่ายแนวทางรักษามะเร็งแบบใหม่ ๆ Stemline เป็นผู้จัดจำหน่าย elacestrant ในสหรัฐ ยุโรป และภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นฮอร์โมนบำบัดชนิดรับประทาน เพื่อรักษาผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนหรือผู้ชายวัยผู้ใหญ่ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือระยะแพร่กระจายชนิดตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน (ER) เป็นบวกและตัวรับตัวรับโกรทแฟคเตอร์ที่ผิวหนังชั้นนอกของมนุษย์ 2 (HER2) เป็นลบ และมีการกลายพันธุ์ของยีน ESR1 ซึ่งมีการลุกลามของโรคหลังจากได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดอย่างน้อยหนึ่งรายการ Stemline ยังวางจำหน่าย tagraxofusp-erzs เทคนิครักษาแบบใหม่ที่พุ่งเป้าไปที่ CD123 เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็งทางโลหิตวิทยาที่รุนแรงอย่างมะเร็งชนิด blastic plasmacytoid dendritic cell neoplasm (BPDCN) ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ Stemline ยังวางจำหน่าย selinexor ในยุโรป ซึ่งเป็นยายับยั้ง XPO1 เพื่อรักษาโรคมัลติเพิลมัยอิโลมา (multiple myeloma) บริษัทยังได้ดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อขยายขอบเขตบนฉลากยาหลายโครงการ สำหรับยา elacestrant และ tagraxofusp ในข้อบ่งใช้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมและมะเร็งทางโลหิตวิทยา ตามลำดับ ทั้งยังมีโครงการพัฒนายาอย่างครอบคลุมซึ่งประกอบด้วยตัวยาเพิ่มเติมหลายชนิดที่อยู่ในระยะต่าง ๆ ของการพัฒนา เพื่อใช้รักษามะเร็งก้อนและมะเร็งทางระบบเม็ดเลือด

โลโก้: https://mma.prnasia.com/media2/2579695/5074924/MENARINI_GROUP_Logo.jpg?p=medium600


ที่มา : ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - Menarini Group นำเสนอข้อมูลล่าสุด ตอกย้ำศักยภาพของยา Elacestrant (ORSERDU®) ในการใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อรักษามะเร็งเต้านมชนิด ER+, HER2- ระยะแพร่กระจาย (mBC) ในงานประชุม ASCO ประจำปี 2568 https://www.prnasia.com/asia-story/archive/4695097_TH95097_10

ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้จัดทำโดย ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านข่าวของเรา ความคิดเห็นของผู้เขียนและเนื้อหาที่แบ่งปันในหน้านี้ถือเป็นความคิดเห็นของตนเอง และอาจไม่จำเป็นต้องแสดงถึงมุมมองของ พีอาร์ นิวส์ ไทยแลนด์

แสดงความคิดเห็น