เซินเจิ้น, ประเทศจีน, 25 สิงหาคม 2568 /PRNewswire/ -- วันนี้ Creality ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3 มิติชั้นนำของโลก ได้เปิดตัว K2 และ K2 Pro เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ K ระดับเรือธง ด้วยโครงสร้างโลหะที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษและระบบมอเตอร์สเต็ปเซอร์โว (step-servo) ขั้นสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ K2 ระดับเรือธงนี้ได้นำเสนอนวัตกรรมการพิมพ์หลายสีและหลายวัสดุ ฟังก์ชัน AI และประสิทธิภาพเจเนอเรชันใหม่ที่เหนือระดับ รองรับพื้นที่การพิมพ์ 2 ขนาด ทำให้กลายเป็นซีรีส์ K ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Creality เคยเปิดตัวมา

ความสามารถและฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย CFS

หลังจากเปิดตัว K2 Plus เมื่อปีที่แล้ว K2 และ K2 Pro ก็ถูกออกแบบมาสำหรับการพิมพ์หลายสีและหลายวัสดุเช่นกัน ทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานร่วมกับระบบ CFS เพื่อการพิมพ์หลายสี (สามารถใช้ CFS ได้สูงสุด 4 ชุด รวมแล้วพิมพ์ได้มากถึง 16 สี) หรือใช้สำหรับสร้างซัพพอร์ตที่สามารถหักออกได้ง่ายหรือแบบละลายน้ำได้ เพื่อลดขั้นตอนเก็บงานหลังการพิมพ์ให้เหลือน้อยที่สุด ระบบ CFS ของ Creality ยังทำหน้าที่เป็นระบบฟิลาเมนต์ (filament) อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับสีและชนิดใยฟิลาเมนต์ที่กำลังใช้งานได้โดยอัตโนมัติ (ต้องใช้ฟิลาเมนต์ Creality RFID) หรือเมื่อฟิลาเมนต์หมด ระบบจะทำการสลับงานพิมพ์ไปยังฟิลาเมนต์ชนิดเดียวกันที่ตรวจพบในช่องอื่นโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ เมื่อไม่ได้ใช้งาน CFS จะเก็บรักษาฟิลาเมนต์ให้อยู่ในสภาพแห้งและพร้อมใช้งานเสมอด้วยสารดูดความชื้นในตัว โดยหน้าจอแสดงผลแบบบิลท์อินของ CFS จะแสดงความชื้น อุณหภูมิภายใน และจำนวนระบบ CFS ที่เชื่อมต่ออยู่

โครงสร้างโลหะที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

K2 และ K2 Pro มาพร้อมชิ้นส่วนเฟรมอะลูมิเนียมอัลลอยแบบหล่อขึ้นรูป ซึ่งให้โครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง รองรับการเคลื่อนที่ของหัวพิมพ์ได้อย่างแม่นยำ แกน X ใช้รางเลื่อนเชิงเส้นทำจากเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง ทนต่อการสึกหรอ ช่วยให้ได้ความแม่นยำสม่ำเสมอในระยะยาว เมื่อจับคู่กับระบบมอเตอร์สเต็ปเซอร์โว เครื่องพิมพ์จึงสามารถควบคุมการอัดวัสดุได้ละเอียดเป็นพิเศษเพื่อสร้างงานพิมพ์ที่มีรายละเอียดคมชัด ในขณะเดียวกันก็ยังคงการเคลื่อนไหวที่ราบรื่น แม้ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 600 มม./วินาที และอัตราเร่ง 20,000 มม./วินาที² (สำหรับ K2 Plus สามารถเร่งได้สูงสุดถึง 30,000 มม./วินาที²)

ความก้าวหน้าด้านประสิทธิภาพเจเนอเรชันใหม่

ระบบทำความร้อนภายในห้องพิมพ์ (Active Chamber Heating) คือจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ K2 Plus และ K2 Pro แตกต่างจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติทั่วไป ระบบนี้สามารถให้ความร้อนได้สูงถึง 60 °C (140 °F) เมื่อทำงานร่วมกับโครงสร้างแบบปิด พัดลมระบายความร้อนกำลังสูง (K2 Plus มีถึงสองตัว) และหัวฉีดเหล็กชุบแข็ง (รองรับได้สูงสุด 40 ลบ.มม./วินาที) ที่ทนการสึกหรอ จึงทำให้ K2 Pro สามารถรองรับการพิมพ์ด้วยฟิลาเมนต์ที่ใช้งานยากมีเงื่อนไขซับซ้อน หรือแม้กระทั่งฟิลาเมนต์สมรรถนะสูงพิเศษ อย่างเช่น PA-CF และ PPA-CF ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ K2 รุ่นมาตรฐานไม่มีระบบทำความร้อนภายในห้องพิมพ์ แต่ก็ยังคงทำงานได้อย่างเสถียรและมีประสิทธิภาพกับฟิลาเมนต์เชิงวิศวกรรมที่นิยมใช้กัน เช่น ABS และ PLA-CF

กล้องสำหรับฟังก์ชัน AI

K2 Series ยังทำงานได้อย่างอัจฉริยะยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชันกล้อง AI ที่ติดตั้งมาในตัวเครื่อง ทั้งสามรุ่นของ K2 มีกล้อง AI ติดตั้งในห้องพิมพ์ ซึ่งช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดด้วยระบบอัจฉริยะ เช่น ระบบเตือนการเกิด spaghetti หรือเส้นพลาสติกไหลพันกันยุ่งเหยิง และการตรวจสอบแผ่นฐานพิมพ์ (build plate) เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้หากแผ่นฐานความร้อนว่างเปล่าโดยไม่มีแผ่นฐานพิมพ์ติดตั้งอยู่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับผู้ใช้งานหรือผู้ผลิตที่พิมพ์งานต่อเนื่องตลอดเวลา K2 Pro ยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการติดตั้งกล้อง AI เพิ่มเติมที่หัวฉีด เพื่อปลดล็อกความสามารถขั้นสูงอย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น การปรับอัตราการอัดวัสดุ (flow rate) อัตโนมัติ และการตรวจจับการอุดตันของรางทิ้งเศษพิมพ์ เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จของการพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิมพ์หลายสี

ฟีเจอร์เพิ่มเติมของ K2 และ K2 Pro

ทั้ง K2 และ K2 Pro มาพร้อมกับเทคโนโลยีการปรับระดับฐานพิมพ์รุ่นใหม่ของ Creality คือ Smart Auto Levelling ที่ช่วยเร่งกระบวนการปรับระดับ โดยการตรวจสอบเฉพาะตำแหน่งที่โมเดลจะถูกพิมพ์จริงเท่านั้น ทางด้านการเชื่อมต่อ ทั้งสองรุ่นรองรับ USB และ Wi-Fi 2.4G ในขณะที่ K2 Pro เพิ่มพอร์ต Ethernet เพื่อกระบวนการทำงานระดับมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้ว ที่ตอบสนองรวดเร็ว ช่วยให้การใช้งานอินเทอร์เฟซเป็นไปอย่างราบรื่น โดยสามารถเปิดใช้งานโหมดเงียบ (Quiet Mode) เพื่อสัมผัสประสบการณ์การพิมพ์ที่เงียบเป็นพิเศษ ในส่วนของหน่วยความจำภายใน K2 มาพร้อม ROM ขนาด 8GB ขณะที่ K2 Pro มี ROM ขนาด 32GB เหมาะสำหรับการจัดเก็บและรองรับไฟล์โมเดลได้ในจำนวนมากขึ้น

ราคาและการวางจำหน่าย

K2 และ K2 Pro จะมีวางจำหน่ายทั้งรุ่นมาตรฐาน (Standard) และรุ่นชุดคอมโบ (Combo) K2 รุ่นมาตรฐานมีราคาเริ่มต้นที่ 549 ดอลลาร์สหรัฐ และ 699 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับรุ่นคอมโบ ส่วน K2 Pro รุ่นมาตรฐานมีราคาเริ่มต้นที่ 849 ดอลลาร์สหรัฐ และ 1049 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับรุ่นคอมโบ สามารถสั่งซื้อได้ในวันที่ 25 สิงหาคม ผ่านทาง Creality Official Store, Amazon และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต

เกี่ยวกับ Creality

Creality ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การพิมพ์ 3 มิติเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น Ender-3 ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2560 กลายเป็นหนึ่งในเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ขายดีที่สุดในตลาด ซีรีส์ K ระดับเรือธงรุ่นล่าสุดในปัจจุบัน ยังคงเดินหน้าผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เครื่องจักรสำหรับนักสร้างสรรค์ยุคใหม่ควรจะเป็น นอกจากนี้ Creality ยังมีซีรีส์เด่นอื่น ๆ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่น Ender, Hi และ CR

Creality พัฒนาซอฟต์แวร์อย่าง Creality Print และ Creality Cloud App ขึ้นเองภายในบริษัท เพื่อสร้างกระบวนการทำงานที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ด้วยฟิลาเมนต์หลากหลายชนิด เครื่องสแกน 3 มิติ เครื่องแกะสลักเลเซอร์ รวมถึงอุปกรณ์เสริมและอะไหล่ที่เกี่ยวข้อง Creality จึงสามารถมอบโซลูชันการพิมพ์ 3 มิติแบบครบวงจร เปิดโอกาสแห่งความเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัดให้กับผู้สร้างสรรค์ทั่วโลก