มช. ผนึก ม.แห่งชาติสิงค์โปร์ เล็งใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และคอมพิวเตอร์ควอนตัมของ ไอบีเอ็ม ในการสร้างข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้จริง เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและแก้ปัญหาท้าทายที่ไทยกำลังเผชิญ
กรุงเทพฯ, 24 ต.ค. 2568 /PRNewswire/ -- ภายใต้ก้าวย่างความร่วมมือเพื่อส่งเสริม "การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน" มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับไอบีเอ็ม เพื่อเข้าร่วมศูนย์วิจัยและนวัตกรรมไอบีเอ็ม–มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (IBM–NUS Research and Innovation Centre) โดย มช. มีแผนที่จะใช้ศูนย์แห่งนี้เป็นพื้นที่ความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เน้นสำหรับ AI (AI-centric) ที่ก้าวล้ำ รวมถึงกำหนดวาระด้านนวัตกรรมเพื่อยกระดับระบบนิเวศ AI ของไทย
นอกจากนี้ มช. ยังได้ลงนามใน MOU กับไอบีเอ็ม เพื่อเริ่มกระบวนการการเข้าร่วมไอบีเอ็มควอนตัมเน็ตเวิร์ค (IBM Quantum Network) โดย มช. จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของศูนย์นวัตกรรมควอนตัมไอบีเอ็ม ที่ตั้งอยู่ใน มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เข้าถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัมและทรัพยากรต่างๆ ของไอบีเอ็มผ่านคลาวด์ เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาทักษะบุคลากร
นอกจากนี้ อีกหนึ่งบันทึกความเข้าใจที่ลงนามระหว่าง มช. และ NUS เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ยังจะนำสู่การเปิดโอกาสให้มีการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน การแบ่งปันแนวทางปฏิบัติเป็นเลิศหรือ best practice และการร่วมกันสร้างนวัตกรรมบนพื้นฐานของเทคโนโลยี AI และควอนตัมในอนาคต
MOU เหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยปูทางให้ NUS และ มช. ร่วมกันพัฒนางานวิจัย โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของไอบีเอ็มในการดำเนินโครงการวิจัยที่สอดคล้องกับปัญหาสำคัญของภูมิภาคและจุดแข็งของมหาวิทยาลัยเอง เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิ การรับมือสภาพภูมิอากาศ การเกษตรอย่างยั่งยืน และปัญหาด้านสาธารณสุขในภูมิภาค เป็นต้น
ความมุ่งมั่นของทั้งสามฝ่ายสะท้อนถึงจุดมุ่งหมายร่วมกันในการส่งเสริมการวิจัย การเสริมสร้างระบบนิเวศ และการพัฒนาบุคลากร ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันนวัตกรรม AI และควอนตัมให้ก้าวหน้าในสิงคโปร์และไทย
ขับเคลื่อนนวัตกรรม AI แห่งอนาคต
MOU ระหว่างไอบีเอ็มและมช. เกี่ยวกับการเข้าร่วมศูนย์วิจัยและนวัตกรรม IBM–NUS ของมช. ครอบคลุมแผนการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน AI ขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเร่งประมวลผล IBM Spyre Accelerators รุ่นต้นแบบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานด้าน AIU (Artificial Intelligence Unit) ของศูนย์วิจัยไอบีเอ็ม
เทคโนโลยีแบบครบวงจรที่ผสานซอฟต์แวร์ ระบบ และตัวเร่งประมวลผล AI ขั้นสูงนี้ จะช่วยให้สามารถปรับแต่งและอนุมานผลของโมเดลเฉพาะทาง (Fine-tuned Models: FMs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายของ มช. คือการทำให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ในวงกว้างทั่วไทย โดยพัฒนาโซลูชัน AI ที่มีต้นทุนต่ำ เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงและลดช่องว่างทางดิจิทัล อีกทั้งยังตั้งเป้าที่จะใช้ AI พัฒนาแบบจำลองเชิงภูมิสารสนเทศ (Geospatial Models) สำหรับไทย เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติ มลพิษทางอากาศ (PM 2.5) และน้ำท่วม
MOU ระหว่าง มช. และ NUS ยังระบุถึงความร่วมมือในการขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัม ขณะที่ภายใต้ MOU กับไอบีเอ็ม มช. ยังมีแผนที่จะเข้าร่วม IBM Quantum Network ในฐานะสมาชิกของศูนย์นวัตกรรมควอนตัมไอบีเอ็ม ที่ NUS ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัมและทรัพยากรต่างๆ ของไอบีเอ็มบนคลาวด์ได้
ข้อตกลงเหล่านี้เปิดโอกาสสู่การวิจัยและพัฒนาร่วมกัน การแลกเปลี่ยน best practice และการร่วมกันสร้างนวัตกรรมในเทคโนโลยี AI และควอนตัมยุคใหม่ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการผสานความสามารถของ AI และควอนตัมเพื่อสร้างแนวทางการใช้งานที่ก้าวล้ำในอนาคต
สร้างทักษะและระบบนิเวศที่พร้อมสู่อนาคต
ความร่วมมือกับศูนย์วิจัยและนวัตกรรม IBM–NUS และศูนย์นวัตกรรมควอนตัมไอบีเอ็มที่ NUS ยังจะนำสู่การฝึกอบรมแบบ hands-on และการวิจัยภาคปฏิบัติด้าน AI และคอมพิวเตอร์ควอนตัม เพื่อพัฒนานักนวัตกรรมรุ่นต่อไปของ มช.
ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมในการสร้างระบบนิเวศ AI และควอนตัมที่แข็งแกร่งในไทย และต่อยอดผลลัพธ์สู่ภูมิภาคอาเซียน การผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการวิจัย การศึกษา และความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมโดย NUS และมช. นี้ มุ่งเป้าที่จะเสริมศักยภาพให้กับองค์กร นักวิจัย และผู้ทำหน้าที่วางแผนและกำหนดนโยบาย ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเกิดใหม่เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและผลประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว
นายตัน อึ้ง ชาย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเเห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า "NUS มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ มช. และไอบีเอ็ม เพื่อขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ด้าน AI และควอนตัม ผ่านการวิจัยแบบเปิดร่วมกัน รวมถึงการพัฒนาทักษะและทรัพยากรที่จำเป็นต่อการเติบโตของภูมิภาค การทำงานร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค รวมถึงกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในเครือ ASEAN University Network และแปลงผลงานวิจัยชั้นนำให้เป็นโซลูชันที่นำไปใช้ได้จริงในโลกธุรกิจและสังคม ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ NUS และสิ่งที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้คือการใช้ Foundation Models เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปจนถึงการบริหารจัดการภัยพิบัติ เราตั้งตารอที่จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ มช. และไอบีเอ็ม เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อสังคมและอุตสาหกรรมทั่วภูมิภาคอาเซียน"
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า "ความร่วมมือระหว่างมช. และ NUS ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพด้านการวิจัยและนวัตกรรมของมช. สู่เวทีโลก เทคโนโลยีควอนตัมและ AI ของไอบีเอ็ม จะเป็นองค์ประกอบสำคัญของการพัฒนานี้ ข้อตกลงตาม MOU เหล่านี้ ไม่เพียงเปิดโอกาสให้นักวิจัยและนักศึกษาของเราได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน deep tech ของภูมิภาค เรามุ่งมั่นที่จะสร้างผลงานวิจัยคุณภาพสูงและผลิตบัณฑิตที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า"
นางแคเธอรีน เลียน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม อาเซียน กล่าวเสริมว่า "ความร่วมมือระหว่างไอบีเอ็มและมช. สะท้อนถึงพันธกิจของเราในการสร้างนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อเร่งการพัฒนาและสนับสนุนนักนวัตกรรม ด้วยการผสานงานวิจัยระดับโลกเข้ากับการพัฒนาทักษะบุคลากรในแต่ละประเทศ ไอบีเอ็มยินดีที่ได้นำศักยภาพนี้มาสู่ไทยผ่านความร่วมมือระหว่าง NUS และ มช. เพื่อผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI และควอนตัม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ความสามารถในการรับมือกับปัญหาต่างๆ อย่างยืดหยุ่น และความยั่งยืนของภูมิภาค"
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ปารณีย์ เรย์มองด็อง
External Relations Leader, IBM Asia Pacific


แสดงความคิดเห็น