
ข่าวเศรษฐกิจ, การเงิน - รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? คู่มือฉบับเข้าใจง่าย ขั้นตอน และข้อควรระวัง
โพสต์โดย : Admin
IP Address : 1.46.157.126
รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? คู่มือฉบับเข้าใจง่าย พร้อมบอกขั้นตอน ค่าใช้จ่าย เอกสาร และข้อควรระวัง
รีไฟแนนซ์บ้าน คือทางเลือกทางการเงินที่เจ้าของบ้านหลายคนหันมาใช้เพื่อปรับลดดอกเบี้ยผ่อนบ้าน ลดภาระค่างวดรายเดือน หรือปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะกับสภาพการเงินปัจจุบัน ถือเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเงินได้ในระยะยาวและยังทำให้การวางแผนการเงินคล่องตัวมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ ว่ารีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร พร้อมแนะนำขั้นตอน ค่าใช้จ่ายที่ควรรู้ เอกสารที่ต้องเตรียม รวมถึงข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุดในการรีไฟแนนซ์บ้านครั้งต่อไป
รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?
รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การปิดสินเชื่อบ้านเดิมแล้วกู้ใหม่ โดยอาจย้ายไปธนาคารใหม่หรือขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเดิมเพื่อเปลี่ยนเงื่อนไข เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย ขยายหรือย่อระยะเวลาผ่อน หรือปล่อยวงเงินเพิ่ม (cash-out) จุดประสงค์หลักๆ คือ ลดภาระดอกเบี้ยต่อเดือน ปรับสภาพคล่อง หรือเปลี่ยนประเภทดอกเบี้ยให้เข้ากับสถานการณ์การเงินปัจจุบัน
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน ตั้งแต่เริ่มจนจบ
- ตรวจสอบสัญญาเดิมและยอดหนี้ ขอใบแสดงยอดหนี้จากธนาคารเดิม (Statement of Balance) เพื่อรู้ยอดคงค้างและค่าปรับที่อาจเกิดขึ้น
- เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ รวมเอกสารส่วนตัว รายได้ โฉนดบ้าน ฯลฯ (รายละเอียดดูหัวข้อเอกสาร)
- ติดต่อธนาคารใหม่หรือที่ต้องการรีไฟแนนซ์ ขอใบเสนอเงื่อนไข (Pre-approval หรือ Indicative Offer) เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ค่าใช้จ่าย และบริการหลังการขาย
- ประเมินหลักประกันและประเมินราคา ธนาคารจะส่งผู้ประเมินบ้านตรวจสภาพและประเมินราคาตามตลาด
- กระบวนการอนุมัติและทำสัญญาใหม่ ส่งเอกสารให้ครบ ฝ่ายสินเชื่อพิจารณา ถ้าอนุมัติ จะทำสัญญาและนัดเซ็นเอกสาร
- การโอนจำนองและปิดบัญชีเดิม ธนาคารใหม่จะจ่ายค่าไถ่ถอนให้ธนาคารเดิม และจดทะเบียนจำนองใหม่กับกรมที่ดิน กระบวนการนี้อาจมีค่าจดทะเบียนและภาษีที่เกี่ยวข้อง
ค่าใช้จ่ายที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ และวิธีคำนวณจุดคุ้มทุน
- ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน
- ค่าธรรมเนียมการขอสินเชื่อ (Application fee)
- ค่าจดทะเบียนจำนองและค่าอากร/ภาษีที่กรมที่ดิน
- ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย (เช่น ค่ารับรองเอกสาร)
- ค่าปรับหรือเบี้ยปรับในการปิดบัญชีก่อนกำหนด (ถ้ามี)
ตัวอย่างการคำนวณจุดคุ้มทุน (Break-even)
- ค่าใช้จ่ายรวมตอนรีไฟแนนซ์ = 50,000 บาท
- ค่างวดเดิม = 20,000 บาท/เดือน
- ค่างวดใหม่ = 17,000 บาท/เดือน
- ประหยัดต่อเดือน = 3,000 บาท
จุดคุ้มทุน (เดือน) = ค่าใช้จ่ายรวม / ประหยัดต่อเดือน = 50,000 / 3,000 ≈ 16.7 เดือน สรุป ถ้าคุณคาดว่าจะอยู่ในสินเชื่อนั้นมากกว่า 17 เดือน การรีไฟแนนซ์อาจคุ้มทุน
เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน
เอกสารส่วนบุคคล
- สำเนาบัตรประชาชน/หนังสือเดินทาง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน
- บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6-12 เดือน (Statement)
- แบบแสดงรายการภาษี (ภ.พ.20/50) หรือหนังสือรับรองรายได้สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ
เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สิน
- โฉนดที่ดิน (ตัวจริงเพื่อใช้จดจำนอง)
- หนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ (ถ้ามี)
- ใบแสดงยอดหนี้สินเชื่อบ้านปัจจุบัน (Statement of Balance)
- ใบเสร็จภาษี/ค่าสาธารณูปโภค (เพื่อยืนยันที่อยู่)
เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี)
- สัญญาการซื้อขายบ้าน
- เอกสารแสดงรายได้อื่นๆ เช่น ค่าเช่า, ผลตอบแทนจากการลงทุน
เคล็ดลับการเตรียมเอกสารให้ไว
- รวบรวมเอกสารให้ครบก่อนยื่น ลดการปฏิเสธเบื้องต้น
- เตรียมสำเนาและตัวจริงแยกกัน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
- ตรวจสอบเครดิตบูโรและเคลียร์หนี้สินเล็กๆ ที่มีผลต่อการพิจารณา
เคล็ดลับและข้อควรระวังก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์
- เวลาไหนเหมาะสม เมื่ออัตราดอกเบี้ยตลาดลดลงมากกว่าค่าใช้จ่ายที่ต้องเสีย หรือเมื่อต้องการปรับสภาพคล่อง เช่น ลดค่างวดรายเดือน
- เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคาร นอกจากอัตราดอกเบี้ย ดูค่าธรรมเนียม เงื่อนไขการชำระคืน และบริการหลังการขาย
- พิจารณาอายุสินเชื่อที่เหลือ รีไฟแนนซ์เพื่อยืดเวลาอาจลดค่างวดแต่เพิ่มดอกเบี้ยรวม
- ระวังบันทึกเงื่อนไขพิเศษ เช่น ฟรีค่าจัดการในช่วงแนะนำ แต่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหลังจากระยะเวลาโปรโมชั่นหมด
- รีไฟแนนซ์บ่อยแค่ไหน ไม่ควรบ่อยจนเกินไป เพราะแต่ละครั้งมีต้นทุน ควรคำนวณจุดคุ้มทุนและวางแผนอย่างน้อยเป็นปีๆ (เช่น รอจนกว่าจะคุ้มใน 1.5-3 ปีขึ้นไปตามสถานการณ์)
รีไฟแนนซ์กับรีเทนชันต่างกันอย่างไร และควรทำบ่อยแค่ไหน
- รีไฟแนนซ์บ้าน จะเป็นการย้ายสินเชื่อจากสถาบันการเงินเดิมไปที่ใหม่หรือทำสัญญาใหม่เต็มรูปแบบ
- รีเทนชัน เป็นการที่ธนาคารเจ้าของสินเชื่อเดิมเสนอปรับเงื่อนไขเพื่อต่อสัญญา เช่น ลดอัตราดอกเบี้ยให้ เพื่อ “เก็บลูกค้าไว้” โดยไม่ต้องย้ายธนาคาร
ข้อดีของรีเทนชันคืออาจไม่มีค่าจดจำนองใหม่หรือค่าธรรมเนียมสูง แต่เงื่อนไขอาจไม่ยืดหยุ่นเท่าการรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่น ควรถามธนาคารเดิมเสมอเมื่อเจรจา
ข้อดีและข้อควรระวังของการรีไฟแนนซ์
ข้อดี
- ลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง
- ปรับระยะเวลาผ่อนเพื่อให้ภาระน้อยลงหรือลดดอกเบี้ยรวม
- รวมหนี้หรือปล่อยวงเงินเพิ่มเพื่อนำใช้จ่ายสำคัญ
- โอกาสได้โปรโมชั่นหรือบริการพิเศษจากธนาคารใหม่
ข้อควรระวัง
- มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้น (ค่าประเมิน ค่าจดจำนอง ฯลฯ) อาจสูงจนไม่คุ้มถ้าเปลี่ยนบ่อย
- กระทบสกอร์เครดิตจากการขอสินเชื่อใหม่และการเช็กเครดิตหลายครั้ง
- หากขยายระยะเวลาผ่อน ดอกเบี้ยรวมตลอดอายุอาจมากขึ้นแม้อัตราต่อเดือนลด
- เงื่อนไขหรือค่าปรับจากสัญญาเดิม (เช่น เบี้ยปรับการปิดบัญชีก่อนกำหนด)
สาเหตุที่รีไฟแนนซ์อาจไม่ผ่าน และวิธีแก้ไข
- รายได้ไม่เพียงพอหรือเอกสารรายได้ไม่ชัดเจน
- หนี้สินอื่นสูงจนอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DTI) เกินเกณฑ์
- เครดิตบูโรมีประวัติชำระล่าช้า
- มูลค่าหลักประกันต่ำกว่าที่ธนาคารยอมรับ (LTV ต่ำ)
- ปัญหาเรื่องโฉนดที่ดิน เช่นข้อพิพาทหรือจำนองหลายแห่ง
- งานไม่มั่นคงหรือเปลี่ยนงานบ่อย
วิธีเตรียมตัวและแก้ไข
- รวบรวมเอกสารรายได้ให้ชัดเจน และเตรียมหลักฐานเพิ่ม (สัญญาจ้าง แสดงรายได้เสริม)
- ลดหนี้ที่เกิดจากบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลก่อนยื่น
- ตรวจสอบเครดิตบูโรก่อน ยื่นคำขอ เพื่อแก้ไขข้อมูลผิดพลาด
- พิจารณาหาผู้ค้ำประกันหรือเพิ่มเงินดาวน์/จ่ายลดหนี้บางส่วน
- ปรึกษาธนาคารหลายแห่งหรือโบรกเกอร์สินเชื่อ เพื่อหาข้อเสนอที่เหมาะสม
รีไฟแนนซ์บ้าน เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ถ้าใช้ให้ถูกจังหวะและคำนวณอย่างรอบคอบ ช่วยลดภาระดอกเบี้ย ปรับสภาพคล่อง หรือปลดล็อกทุนจากทรัพย์สินได้ แต่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ผลกระทบต่อเครดิต และเงื่อนไขระยะยาวก่อนตัดสินใจ เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายแหล่ง เตรียมเอกสารให้พร้อม และคำนวณจุดคุ้มทุนก่อนเซ็นสัญญา
ที่มา : บมจ. ธนาคารกรุงไทย
โพสต์ : พีอาร์ นิวส์ ไทยแลนด์
เผยแพร่ : พีอาร์ นิวส์ ไทยแลนด์

ส่วนสมาชิก
Flash Sale! ลด 50% ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ พร้อมเผยแพร่ไปยังสื่อออนไลน์ในเครือของเรา เพียง 500 บาท เท่านั้น วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568
ผลสลากกินเเบ่งรัฐบาล
| รางวัลที่ 1 | 2 ตัว | เลขท้าย 3 ตัว | เลขหน้า 3 ตัว |
|---|---|---|---|
| 059696 | 61 | 889 476 | 955 531 |
จองตั๋วรถทัวร์ออนไลน์




คำค้นแนะนำ




