
ข่าวเศรษฐกิจ, การเงิน - อัปเดตเงินฝากดอกเบี้ยสูงปี 2568 พร้อมเทคนิคออมเงินอย่างมั่นคง

โพสต์โดย : Admin
IP Address : 49.229.161.248
อัปเดตบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงปี 2568 พร้อมเทคนิคออมเงินมั่นคง
อัปเดตปี 2568 นี้ บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงคืออีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับใครที่อยากให้เงินออม “ทำงาน” เพื่อคุณมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะกับบัญชีออมทรัพย์และบัญชีฝากประจำจากธนาคารกรุงไทย ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้รับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น พร้อมกับเทคนิคออมเงินมั่นคงที่แม้แต่ผู้เริ่มต้นก็ทำตามได้ง่าย จะร่วมกันวางแผนออมให้เป็นระบบ แนวทางการเลือกบัญชีให้เหมาะกับเป้าหมายเก็บเงิน และทริคเล็กๆ แสนฉลาดที่อาจช่วยเพิ่มดอกเบี้ยได้หลักพัน หรือหลักหมื่นในระยะยาว ครบจบในที่จะช่วยให้เงินออมของคุณเติบโตในปีนี้
เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงคืออะไร? ทำไมนักออมมือใหม่ควรรู้จัก
เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง เป็นผลิตภัณฑ์การออมเงินที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป พร้อมกับความมั่นคงและปลอดภัยในการลงทุน
จุดเด่นของเงินฝากประจำ
- อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ประมาณ 2-4 เท่า ซึ่งในปัจจุบันบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปให้ดอกเบี้ยเพียง 0.1-0.5% ต่อปี ในขณะที่เงินฝากประจำสามารถให้ดอกเบี้ยได้ถึง 1.5-4.5% ต่อปี ทำให้ผู้ออมเงินได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
- ความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ผู้ฝากเงินจะได้รับการคุ้มครองเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าธนาคารจะประสบปัญหาก็ตาม
- ระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจนและยืดหยุ่น ผู้ฝากสามารถเลือกระยะเวลาได้ตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 5 ปี ขึ้นอยู่กับแผนการเงินและเป้าหมายการออมของแต่ละบุคคล พร้อมทั้งสามารถวางแผนการเงินในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
ความแตกต่างจากเงินฝากออมทรัพย์ยังไง
- เงินฝากออมทรัพย์ มีความสะดวกในการใช้งาน สามารถถอนเงินได้ตลอดเวลาผ่าน ATM หรือ Mobile Banking แต่ข้อเสียคือได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ไม่สอดคล้องตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้เงินมีมูลค่าลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
- เงินฝากประจำ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในการถอนเงินก่อนครบกำหนด แต่ผู้ฝากจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะสำหรับเงินส่วนที่ไม่ต้องใช้ในระยะสั้น และต้องการให้เงินออมเติบโตอย่างมั่นคง
เมื่อเปรียบเทียบกับทางเลือกออมเงินอื่น เช่น กองทุนรวม หุ้น หรือพันธบัตร เงินฝากประจำจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่แน่นอน
อัปเดตอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ “สูง” ของปี 2568
ในปี 2568 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากดอกเบี้ยสูงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารต่างๆ แข่งขันกันเสนออัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ
- เงินฝากขั้นต่ำ 1,000 - 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับธนาคาร) โดยส่วนใหญ่ธนาคารขนาดใหญ่จะกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ 1,000-10,000 บาท ในขณะที่ธนาคารขนาดกลางและเล็กอาจต้องการเงินฝากเริ่มต้นสูงถึง 50,000 บาท เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างฐานเงินฝากที่มั่นคง
- ระยะเวลาฝาก 3, 6, 12, 24, 36 เดือน หรือมากกว่า การเลือกระยะเวลามีผลต่ออัตราดอกเบี้ยโดยตรง โดยทั่วไปการฝากระยะยาวจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า แต่ผู้ฝากต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลตอบแทนกับความยืดหยุ่นในการใช้เงิน
- อัตราดอกเบี้ย 1.5% - 2.8% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับธนาคาร ระยะเวลา และจำนวนเงิน) อัตราดอกเบี้ยจะแปรผันตามหลายปัจจัย เช่น นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง การแข่งขันในตลาด และสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม
ข้อควรระวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยและโปรโมชัน
- ตรวจสอบว่าอัตราดอกเบี้ยที่โฆษณาเป็นอัตราพิเศษหรือปกติ บางครั้งธนาคารจะโฆษณาอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ใช้ได้เฉพาะระยะเวลาจำกัด หรือมีเงื่อนไขการใช้บริการอื่นๆ ประกอบ ผู้ฝากควรอ่านรายละเอียดอย่างละเอียดเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
- อ่านเงื่อนไขโปรโมชันให้ละเอียด เช่น ระยะเวลา จำนวนเงินขั้นต่ำ โปรโมชันมักมีข้อจำกัดต่างๆ เช่น เฉพาะลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าที่มียอดเงินฝากรวมตั้งแต่จำนวนหนึ่ง การไม่เข้าใจเงื่อนไขอาจทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่คาดหวัง
- พิจารณาค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น บางสถาบันการเงินอาจมีค่าธรรมเนียมการเปิดบัญชี ค่าธรรมเนียมการถอนก่อนกำหนด หรือค่าธรรมเนียมการต่ออายุ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อผลตอบแทนสุทธิที่ได้รับ
เงินฝากประจำแบบปลอดภาษี ออมเงินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
หลักการของเงินฝากประจำแบบปลอดภาษีคือ ผู้ฝากไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% จากดอกเบี้ยที่ได้รับ ทำให้ได้รับผลตอบแทนเต็มจำนวน
วิธีคำนวณดอกเบี้ย
ตัวอย่างการฝากเงิน 50,000 บาท ทุกเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี (คำนวณโดยประมาณ)
- เดือนที่ 1 : ฝากเงิน 50,000 = เงินฝาก 50,000 บาท x ((2.6/100)/365) x 30 วัน = ได้รับดอกเบี้ย 143.84 บาท
- เดือนที่ 2 : ฝากเงิน 50,000 = เงินฝาก 100,000 บาท x ((2.6/100)/365) x 30 วัน = ได้รับดอกเบี้ย 287.67 บาท
- เดือนที่ 3 : ฝากเงิน 50,000 = เงินฝาก 150,000 บาท x ((2.6/100)/365) x 30 วัน = ได้รับดอกเบี้ย 431.51 บาท
เมื่อคำนวณดอกเบี้ยจนถึงเดือนที่ 12 จะได้รับดอกเบี้ยรวม 11,219.18 บาท ซึ่งจะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 1,682.88 บาท (คำนวณโดยประมาณ) ทำให้ได้รับดอกเบี้ยเต็มจำนวน ซึ่งเท่ากับได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 15% โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
ข้อดีของดอกเบี้ยปลอดภาษี
- ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าประมาณ 15% เมื่อไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยเต็มจำนวนตามที่ตกลงไว้ ซึ่งเท่ากับได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นทันที 15% โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม นี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับเงินฝากประจำทั่วไป
- ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติม ลดความยุ่งยากในการทำบัญชีและยื่นภาษี ผู้ฝากไม่ต้องเก็บใบกำกับการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือคำนวณภาษีเพิ่มเติม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการบริหารจัดการภาษีส่วนบุคคล
- เหมาะกับผู้ที่มีรายได้สูงและต้องเสียภาษีในอัตราสูง สำหรับผู้ที่อยู่ในเกณฑ์เสียภาษีส่วนบุคคลในอัตรา 20-35% การได้รับดอกเบี้ยปลอดภาษีจะช่วยประหยัดภาษีได้มากกว่าการนำดอกเบี้ยไปหักลงจากรายได้เพื่อคำนวณภาษี
ผู้ที่ควรเลือกเงินฝากประเภทนี้
- ผู้มีรายได้เกิน 150,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการเสียภาษีส่วนบุคคล การเลือกเงินฝากประจำปลอดภาษีจะช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าและลดภาระภาษีในอนาคต
- นักลงทุนที่ต้องการความแน่นอนในผลตอบแทน เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยงและต้องการทราบผลตอบแทนล่วงหน้า สามารถวางแผนการเงินระยะยาวได้อย่างมั่นใจ
- ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการคิดภาษี เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการติดตาม คำนวณ และจัดการเอกสารเกี่ยวกับภาษีจากดอกเบี้ย ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่
ข้อดี - ข้อจำกัด ของการออมเงินกับเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง
ข้อดี
ความเสี่ยงต่ำและมั่นคง
- ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากสูงสุด 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด หมายความว่าแม้ว่าธนาคารจะประสบปัญหาทางการเงินหรือเลิกกิจการ ผู้ฝากยังคงได้รับเงินคืนครบจำนวน ซึ่งเป็นหลักประกันที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบการเงินไทย
- อัตราดอกเบี้ยไม่ผันผวน เหมือนการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมที่ผลตอบแทนขึ้นลงตามสภาวะตลาด เงินฝากประจำให้ความมั่นใจว่าจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงไว้ครบถ้วนเมื่อครบกำหนด
- เงินต้นปลอดภัย ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนรูปแบบอื่นที่อาจมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินลงทุน
ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้
- ทราบผลตอบแทนแน่นอนตั้งแต่วันแรกที่ฝาก ช่วยให้สามารถวางแผนการเงินส่วนบุคคลได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อซื้อบ้าน การศึกษาบุตร หรือการเกษียณ
- สามารถวางแผนการเงินระยะยาวได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากทราบจำนวนเงินที่จะได้รับเมื่อครบกำหนดแน่นอน ทำให้สามารถคำนวณและจัดสรรงบประมาณในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัด
ข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง
- ไม่สามารถถอนเงินก่อนครบกำหนดได้ หรือต้องเสียค่าปรับ หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินและจำเป็นต้องใช้เงิน ผู้ฝากอาจต้องเสียดอกเบี้ยส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด หรือต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดหวัง
- หากต้องการเงินเร่งด่วน อาจไม่สามารถเข้าถึงเงินได้ทันที ต่างจากเงินฝากออมทรัพย์ที่สามารถถอนได้ทันที การถอนเงินฝากประจำก่อนกำหนดมักต้องไปทำรายการที่สาขา และอาจต้องรอขั้นตอนการอนุมัติ
เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ออมเงินอื่น
- กองทุนรวม มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะกองทุนรวมหุ้น แต่มีความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาดทุน อาจขาดทุนได้หากขายในช่วงที่ราคาตลาดต่ำ เหมาะกับผู้ที่มีระยะเวลาลงทุนยาวและรับความเสี่ยงได้
- หุ้น ผลตอบแทนอาจสูงมากในระยะยาว แต่ความเสี่ยงสูงตาม ต้องมีความรู้ในการวิเคราะห์และติดตามตลาดอย่างสม่ำเสมอ เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และเวลาในการศึกษาข้อมูล
- พันธบัตรรัฐบาล ความปลอดภัยใกล้เคียงกับเงินฝากประจำ แต่มีสภาพคล่องดีกว่าเนื่องจากสามารถซื้อขายในตลาดรองได้ อย่างไรก็ตาม ราคาอาจผันผวนตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด
เทคนิคเลือกบัญชีเงินฝากประจำให้เหมาะกับแต่ละเป้าหมายการเงิน
การวางแผนช่วงเวลาออม
การเลือกบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงให้เหมาะสมต้องพิจารณาเป้าหมายการเงินเป็นหลัก
- ระยะเวลา 6 เดือน เหมาะกับเงินสำรองฉุกเฉินหรือเงินที่มีแผนจะใช้ในระยะสั้น เช่น เงินสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว การซ่อมแซมบ้าน หรือค่าใช้จ่ายประจำปีที่คาดการณ์ไว้แล้ว อัตราดอกเบี้ยอาจไม่สูงมาก แต่ให้สภาพคล่องที่ดีและผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์
- ระยะเวลา 12 เดือน เหมาะกับการออมเพื่อซื้อของใช้ในครัวเรือน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์มือสอง หรือเงินโบนัสประจำปีที่ต้องการให้เติบโต การฝากประจำ 1 ปีมักได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีและเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมกับการวางแผนการเงินประจำปี
- ระยะเวลา 24 เดือน เหมาะกับการออมเพื่อเป้าหมายระยะกลาง เช่น เงินดาวน์ซื้อบ้าน การแต่งงาน หรือเงินลงทุนในธุรกิจเล็กๆ ระยะเวลา 2 ปีให้ความสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความยืดหยุ่น และมักได้รับอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ
- ระยะเวลา 36 เดือน เหมาะกับการออมระยะยาว เช่น การเตรียมเงินเพื่อการเกษียณ เงินการศึกษาบุตร หรือการสร้างฐานการเงินที่มั่นคง อัตราดอกเบี้ยมักสูงสุดในหมวดเงินฝากประจำ แต่ต้องแน่ใจว่าไม่ต้องใช้เงินในระยะเวลาดังกล่าว
เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขรับดอกเบี้ย
- พิจารณาอัตราดอกเบี้ยต่อปี (APR) ให้ครบถ้วน ไม่เพียงแค่ดูตัวเลขอัตราดอกเบี้ย แต่ต้องคำนวณผลตอบแทนจริงที่จะได้รับหลังหักภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบอย่างยุติธรรม
- เช็คว่าดอกเบี้ยจ่ายรายเดือน รายไตรมาส หรือครบกำหนด การจ่ายดอกเบี้ยรายเดือนช่วยให้มีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ในขณะที่การจ่ายครบกำหนดจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น
- ดูเงื่อนไขการต่ออายุอัตโนมัติ บางสถาบันจะต่ออายุให้อัตโนมัติด้วยอัตราดอกเบี้ยปกติ ซึ่งอาจต่ำกว่าอัตราโปรโมชันเดิม ผู้ฝากควรติดตามและวางแผนล่วงหน้า
การวางแผนเปิดบัญชีมากกว่า 1 บัญชี
- แบ่งเงินฝากเป็นหลายส่วนตามระยะเวลาที่แตกต่างกัน เช่น ฝาก 30% ในระยะ 6 เดือน 40% ในระยะ 12 เดือน และ 30% ในระยะ 24 เดือน เพื่อให้มีเงินครบกำหนดในช่วงเวลาต่างๆ กัน
- ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น จะมีเงินส่วนหนึ่งครบกำหนดที่สามารถนำไปฝากใหม่ในอัตราที่สูงขึ้น
- เพิ่มความยืดหยุ่นในการเข้าถึงเงิน การมีเงินฝากครบกำหนดในช่วงเวลาต่างๆ กัน ช่วยให้มีทางเลือกในการใช้เงินมากขึ้นโดยไม่ต้องถอนก่อนกำหนด
วิธีบริหารจัดการ และเสริมวินัยออมเงินให้สำเร็จ
หลัก 50/30/20
- 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น ครอบคลุมค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การควบคุมส่วนนี้ให้อยู่ในกรอบ 50% จะช่วยให้มีเงินเหลือสำหรับการออมเงินและใช้จ่ายส่วนตัว
- 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ความบันเทิง การท่องเที่ยว การซื้อของที่ไม่จำเป็น การรับประทานอาหารนอกบ้าน ส่วนนี้ช่วยให้ชีวิตมีความสุขและสมดุล แต่ต้องมีวินัยในการใช้จ่าย
- 20% สำหรับการออมเงิน (รวมเงินฝากประจำ) ในส่วนนี้ควรแบ่งเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน 5-10% และเงินออมระยะยาวในเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง 10-15% เพื่อสร้างฐานการเงินที่แข็งแกร่ง
วิธีจัดงบประมาณรายเดือน
- บันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกเดือน ใช้แอปพลิเคชันหรือสมุดบันทึกในการติดตามเงินเข้า-ออกอย่างละเอียด เพื่อให้เห็นภาพรวมการใช้จ่ายและหาจุดที่สามารถปรับปรุงได้ การบันทึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในการใช้เงิน
- กำหนดจำนวนเงินที่จะฝากประจำอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถทำได้จริง เช่น ฝากประจำ 5,000 บาททุกเดือน หรือฝากเงินโบนัส 50% ทุกครั้งที่ได้รับ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการออม
- ตั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว เป้าหมายระยะสั้น เช่น ออมเงิน 50,000 บาทใน 1 ปี เป้าหมายระยะยาว เช่น มีเงินออม 1 ล้านบาทใน 10 ปี การมีเป้าหมายที่หลากหลายจะช่วยให้การออมเงินไม่น่าเบื่อและมีแรงจูงใจต่อเนื่อง
การตรวจสอบรายการฝากเงินและรับดอกเบี้ย
- ตรวจสอบยอดเงินและดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้ และไม่มีข้อผิดพลาดในระบบ การติดตามอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
- เก็บเอกสารการฝากเงินไว้อย่างครบถ้วน ทั้งหลักฐานการฝากเงิน สัญญาเงินฝากประจำ และเอกสารการต่ออายุ เพื่อใช้เป็นหลักฐานและอ้างอิงในอนาคต รวมถึงการใช้ประโยชน์ในการยื่นภาษี
- วางแผนการต่ออายุหรือถอนเงินล่วงหน้า ติดตามวันครบกำหนดของเงินฝากแต่ละบัญชี และตัดสินใจล่วงหน้าว่าจะต่ออายุ ถอนเงิน หรือนำไปลงทุนในช่องทางอื่น การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้ไม่พลาดโอกาสในการได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดี
การเลือกเงินฝากดอกเบี้ยสูงเป็นการตัดสินใจทางการเงินที่สำคัญ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับเป้าหมายการเงินของตนเอง
ที่มา : บมจ. ธนาคารกรุงไทย
โพสต์ : พีอาร์ นิวส์ ไทยแลนด์
เผยแพร่ : พีอาร์ นิวส์ ไทยแลนด์

ส่วนสมาชิก
Flash Sale! ลด 50% ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ พร้อมเผยแพร่ไปยังสื่อออนไลน์ในเครือของเรา เพียง 500 บาท เท่านั้น วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568
ผลสลากกินเเบ่งรัฐบาล
รางวัลที่ 1 | 2 ตัว | เลขท้าย 3 ตัว | เลขหน้า 3 ตัว |
---|---|---|---|
876978 | 77 | 280 605 | 843 532 |
จองตั๋วรถทัวร์ออนไลน์




คำค้นแนะนำ
